GDAL/OGR
แบ่งออกเป็น2 ส่วน ส่วนแรกคือ GDAL (Geo-spatial Data Abstraction
Library) มีขีดความสามารถครอบคลุมด้านการประมวลผลข้อมูลราสเตอร์
ส่วนที่สองคือOGR library ครอบคลุมการใช้งานกับข้อมูลเวกเตอร์
ทั้งสองส่วนเมื่อผนวกกันไว้
ทำให้เป็นชุดเครื่องมือระดับแกนกลางที่นักพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สามารถนาไป
ใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดีการเรียกขานชื่อ GDAL/OGR
เนื่องจากในระยะต้นเป็นเพียงชุดเครื่องมือด้านข้อมูลราสเตอร์เพียงอย่าง
เดียว เป็นที่รู้จักในชื่อGDAL หลังจากได้รวมเอาส่วนของOGR ไว้ด้วย
จึงเรียกว่า GDAL/OGR แต่ถ้าเจาะจงใช้ชื่อGDAL
ให้หมายถึงกรณีที่กล่าวถึงบริบทที่เป็นเรื่องการทำงานกับข้อมูลแบบราสเตอร์
และในทำนองเดียวกัน เมื่อกล่าวถึงชื่อ OGR
ก็ให้หมายถึงบริบทของการทำงานกับข้อมูลแบบเวกเตอร์
ชุด
เครื่องมือ GDAL/OGR จะประกอบด้วย Library ของเครื่องมือต่างๆ
ในรูปแบบของภาษา C/C++
ส่วนดังกล่าวนี้เองที่ผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนาไปใช้เป็นเครื่องมือประมวล
หลักต่างๆ ในซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมประยุกต์ของตนเอง ดังเห็นได้จาก
GDAL/OGR ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือประมวลผลของซอฟต์แวร์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์และซอฟต์แวร์รหัสเปิดดังที่กล่าวข้างต้น
นอกเหนือจากการนำไปใช้โดยตรง มีกลุ่มผู้พัฒนาโปรแกรมหลายกลุ่มได้พัฒนา
GDAL/OGR ให้สามารถใช้ได้กับโปรแกรมภาษาอื่นๆ
โดยเรียกใช้จากสภาพแวดล้อมของการทำงานของโปรแกรมภาษานั้นๆ
ด้วยการเขียนโปรแกรมครอบตัวเครื่องมือคำสั่งหลักของ GDAL/OGR อีกชั้นหนึ่ง
เช่น Python, Java, C#, Ruby, VB6 และ Perl
สิ่งนี้เองทำให้สามารถขยายการใช้งานจากกลุ่มนักพัฒนาโปรแกรมภาษา C/C++
ไปยังกลุ่มผู้พัฒนาด้วยโปรแกรมภาษาอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีการใช้งาน
GDAL/OGR ทำได้อีกลักษณะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
คือการพิมพ์คำสั่งเรียกใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มีของ GDAL/OGR
ในลักษณะของการพิมพ์คำสั่ง (Command Line) โดยที่ GDAL/OGR
ได้ทำการคอมไพล์ชุดเครื่องมือหลักขึ้นจานวนหนึ่งเป็นไฟล์ที่สามารถสั่งทำงาน
ได้ทันที (Executable File) โดยแบ่งเป็นชุดเครื่องมือ
GDAL
และ OGR ทั้ง 2
ส่วนจะประกอบด้วยเครื่องมือการแปลงรูปแบบไฟล์ข้อมูลจากรูปแบบหนึ่งไปอีกรูป
แบบหนึ่ง ซึ่งชนิดของรูปแบบข้อมูลมีการสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งราสเตอร์และเวกเตอร์ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการแปลงค่าระบบพิกัดต่างๆ
ตามมาตรฐานสากลที่มีอยู่
หรือจากการกำหนดค่าพารามิเตอร์เฉพาะตามแต่พื้นที่ได้เอง
ด้วยความสามารถและการใช้งานในลักษณะนี้
จึงเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบ
ต่างๆ รวมถึงการปรับค่าระบบพิกัดได้ด้วยตนเอง
ด้วยการพิมพ์คำสั่งที่มีอยู่ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ตามการใช้งานดังกล่าวเป็นลักษณะของการพิมพ์คำสั่ง
ผู้ใช้ต้องจำคำสั่งได้หรือสามารถเรียกดูข้อแนะนำการใช้งานของแต่ละโปรแกรม
ได้เอง ซึ่งไม่มีลักษณะการทำงานแบบเมนูให้ไว้
ดังนั้นผู้ใช้งานที่ต้องการใช้ผ่านทางเมนูจึงต้องหาซอฟต์แวร์ที่มีเครื่อง
มือดังกล่าวเรียกใช้งานเอง เช่น QGIS เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น